วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

พระเอก อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ ศรัทธาพระซุ้มกอและพระรอดมหาวัน

พระเอก อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ ศรัทธาพระซุ้มกอและพระรอดมหาวัน 
คงไม่ต้องสาธยายอะไรมากท่านผู้อ่านก็คงทราบดีว่าพระเอกที่ชื่อ “อ๊อฟ” พงษ์พัฒน์ วชิระบรรจง เป็นคนดังระดับใดเพราะตลอด “กว่า 20 ปี” ที่อยู่ในวงการบันเทิงพระเอก “อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์” อาศัยฝีมือทางด้านการแสดงที่เรียกว่า “คุณภาพ ล้วน ๆ” จึงยืนหยัดในวงการมาได้ถึงปัจจุบันที่นอกจากรับงานแสดงแล้วยังผันตัวเองเป็นทั้ง “ผู้จัดละคร” พร้อม “ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ไทย” และ “ผู้กำกับการแสดง” ไปด้วยในตัวโดยอาศัยประสบการณ์ที่แสดง “ภาพยนตร์” และ “ละคร” ซึ่งหากนับรวมกันแล้วก็ประมาณกว่า “ร้อยเรื่อง” มาทำงานเบื้องหลังเพราะผลงานการแสดงของเขาหลายเรื่องที่คว้า “รางวัล” ทางด้านการแสดงมาครองจากหลายสถาบันและล่าสุดก็อยู่ระหว่างการดำเนินงานถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “แฮปปี้เบิร์ธเดย์” ที่นำนักแสดงรุ่นน้องมาแสดงนำหลายคน
พระเอก “อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์” นอกจากจะเป็น “นักแสดง” มากฝีมือและ “นักจัดละคร” ชั้นดีพร้อม “นักสร้างภาพยนตร์” ชั้นยอดแล้วยังเป็น “นักสะสมพระเครื่อง” ตัวยงอีกคน ปัจจุบันจึงมี “พระเครื่องชั้นดี” อยู่ในความครอบครอง “หลายสิบองค์” ส่วนเหตุใดจึงนิยมสะสมพระเครื่องนั้น “อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์” เผยว่า “เนื่องจากมีแผ่นดินเกิดเป็นชาวจังหวัดกำแพงเพชร เมืองที่มีกรุพระชั้นเยี่ยมและพระชั้นดีหลากหลายสกุล อาทิ “พระซุ้มกอ, พระกำแพงเม็ดขนุน, พระนางพญากำแพง ฯลฯ” จึงได้เห็นพระเครื่องชั้นดีเหล่านี้มาตั้งแต่เด็กประกอบกับ “นิสัยของคนไทยเรา” ส่วนใหญ่จะมีความผูกพันกับพระเครื่องมาแต่ไหนแต่ไรก็เลยสนใจสะสมพระเครื่อง พร้อมทำการศึกษาตามแต่โอกาสจะอำนวย ประจวบกับมีเพื่อนที่เป็นนักสะสมพระเครื่องชื่อดังระดับเซียนซึ่งก็คือ “เทพ กำแพง” ก็เลยได้อาศัยทำการศึกษาหาความรู้ด้านพระเครื่องที่เป็น “พระยอดนิยม” แทบทุกตระกูลจึงเกิดความชำนาญกับการดูพระพอสมควร ปัจจุบันจึงมีพระชั้นดีที่สะสมไว้ทั้ง “พระสมเด็จ, พระรอดวัดมหาวันลำพูน, พระซุ้มกอกำแพงเพชร, พระปิดตาหลวงพ่อแก้ววัดเครือวัลย์” ฯลฯ เป็นต้น นอกจากนี้ยังสะสม “เครื่องรางของขลัง” ประเภท “ตะกรุด” ของหลายคณาจารย์และที่จะต้องนำติดตัวตลอดก็คือ “ตะกรุดสาลิกาเนื้อเงินหลวงปู่เอี่ยมวัดสะพานสูง”
ส่วนทางด้าน “ระเครื่อง” ที่อาราธนาขึ้น แขวนติดคอเป็นประจำก็มีหลายองค์ โดยจะแขวนหมุนเวียนกันไปนับตั้งแต่ “พระซุ้มกอพิมพ์เล็ก” ซึ่งนอกจากเป็นหนึ่งในห้าของ “พระเบญจภาคี” ประเภทเนื้อดินและเนื้อผงแล้วยังเป็น “ยอดพระ” ของเมืองกำแพงเพชรบ้านเกิดอีกด้วยจึงให้ความ “ศรัทธา” อยู่ในระดับต้น ๆ แถมเป็นองค์ที่ “สวยสมบูรณ์มาก” ประกอบกับมีขนาดเล็กเหมาะกับการแขวนคอเป็นอย่างดี และอีกองค์ที่อาราธนาติดตัวควบคู่กันไปเป็น “พระรอดวัดมหาวันพิมพ์ใหญ่เนื้อเขียว” ที่สภาพก็ “สวยมาก” เช่นกันประการสำคัญเป็นองค์ที่หา “ข้อยุติได้” เพราะทุกเซียนต่างยอมรับว่า “แท้” จึงมักจะอาราธนาขึ้นแขวนคอสลับสับเปลี่ยนกันไปและอีกองค์ก็คือ “พระปิดตาหลวงพ่อแก้ววัดเครือวัลย์” ที่มักจะอาราธนาแขวนคอบ่อยที่สุดเนื่องจากการ “แขวนพระ” ของพระเอก “อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์” ก็มีคติเฉกเช่นชาวไทยพุทธทั่ว ๆ ไปคือนำเป็น “เครื่องยึดเหนี่ยว” ไม่  ให้ประพฤติในสิ่งที่ “ผิด  ศีลธรรม” ตามแบบอย่างของผู้มี “พระพุทธอยู่ในตัว” ก็จะต้องมี “พระธรรมอยู่ในใจ” ควบคู่กันไป
และอีกประการที่พระเอก  “พงษ์พัฒน์” ยึดถือและ ยึดมั่นกับการที่จะอาราธนา “พระเครื่องขึ้นแขวนคอ” ประการแรกต้องเรียนรู้ด้วยว่าพระเครื่องแต่ละองค์ “ถูกโฉลก” กับเราแค่ไหน ทั้งนี้ก็เพราะพระเครื่อง     บางองค์มี “ราคาแพง” แต่หาก “ไม่ถูกโฉลก”  กับผู้อาราธนาติดตัวหรือผู้เป็น “เจ้าของ” แล้วก็จะ ไม่มีประโยชน์อะไรโดยวัดผลได้ตรงที่หากทำการทำงานใด ๆ แล้ว “ไม่ราบรื่น” จึงสู้นำพระเครื่อง “ราคาถูก” แต่ถูกโฉลกกับผู้อาราธนาติดตัวจะดีกว่าเนื่องจาก “ชีวิตคนเรา” แต่ละชีวิตจะมีความแตกต่างกันไป อย่างเช่น บางคนขยันทำมาหากิน หนักเอาเบาสู้แต่รายได้ก็ชักหน้าไม่ถึงหลังผิดกับบางคนที่วัน ๆ ไม่ต้องทำมาหากินอะไรมากก็มีรายได้เป็นกอบเป็นกำก็เพราะ “กรรมเก่าเขาดี” ชีวิตจึงได้รับแต่สิ่งดี ๆ ฉะนั้นหากใครประสงค์ที่จะมีชีวิตที่ดีใน “ชาติหน้า” แล้ว ชาตินี้ก็ควรทำ “กรรมดี” ให้มาก ๆ แล้วกรรมดีนั้นจะติดตามเราไปทุกชาติเอง นอกจากเก่งทางด้าน “การแสดง” แล้วยังนับได้ว่าพระเอก “พงษ์พัฒน์” ก็เก่งทาง ด้าน “ปรัชญาชีวิต” เช่นกัน ฉะนั้นหากเชื่อก็ปฏิบัติตาม หากไม่เชื่อก็ “ตัวใครตัวมัน” แล้วกันนะโยม !!.เดลินิวส์ ภวันตุเม


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น