วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

"ต้อย-เมืองนนท์" ติวเข้มส่อง"พระซุ้มกอ-พระรอด" ยอดปรารถนาตระกูล "เบญจภาคี"




ในบรรดาแวดวงผู้นิยมบูชาพระเครื่อง ต้องรู้จัก "พระเบญจภาคี" สุดยอดพระเครื่องซึ่งนักเลงพระต้องมีไว้บูชา

พระเบญจภาคี เป็นการรวมพระชั้นยอด 5 องค์ ประกอบด้วย พระผงสุพรรณ กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุพรรณบุรี พระนางพญา พระซุ้มกอ พระรอด วัดมหาวัน จ.ลำพูน และพระสมเด็จที่ถูกจัดเข้าไปเป็นเบญจภาคีด้วย คือ สมเด็จวัดระฆัง และ สมเด็จบางขุนพรหม

ถือเป็นสุดยอดพระของแต่ละยุคสมัย และเป็นสุดยอดของพุทธคุณ เชื่อกันว่าผู้ใดได้ครอบครองผู้นั้นเปี่ยมด้วยวาสนา บารมี และด้วยเหตุนี้พระเบญจภาคีแท้ๆ จึงมีราคาเช่าสูงระดับ 6-7 หลักเลยทีเดียว เจ้าของจึงมักหวงแหนไม่ให้ใครชมกันง่ายๆ

แล้วจะทราบได้อย่างไรว่า เบญจภาคีที่เห็นตามร้านให้เช่าพระเครื่องเป็นของแท้?

เพื่อเป็นการเผยแพร่ความรู้ ศูนย์อาชีพและธุรกิจมติชน (มติชนอคาเดมี) ร่วมกับ สมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย จัดเปิดอบรมหลักสูตรพื้นฐานในการพิจารณาชุดเบญจภาคีไปแล้ว 2 ครั้ง โดยเชิญเซียนพระที่อยู่ในวงการผู้นิยมสะสมพระเครื่องพระบูชาระดับต้น ′พิศาล เตชะวิภาค′ หรือ ′ต้อย เมืองนนท์′ อุปนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย และประธานชมรมพระเครื่องมรดกไทย เจ้าของศูนย์พระเครื่องชาวนนท์ บนชั้น 3 ห้างสรรพสินค้าพันธุ์ทิพย์พลาซ่า สาขางามวงศ์วาน จ.นนทบุรี มาเป็นวิทยากร





ต้อย เมืองนนท์ เป็นผู้ที่มีความรู้ เชี่ยวชาญในด้านการศึกษาและสะสมพระเครื่องพระบูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระกรุประเภทต่างๆ ไม่เพียงแต่ได้รับการยอมรับนับถือจากผู้ที่นิยมสะสมพระเครื่องพระบูชาภายในประเทศเท่านั้น แม้ในต่างประเทศก็ได้รับการยอมรับนับถือเช่นกัน

จากความสำเร็จในการอบรมพระสมเด็จบางขุนพรหม, พระผงสุพรรณ และพระนางพญา จัดโดยมติชนอคาเดมี โดยมีต้อย เมืองนนท์ เป็นวิทยากรในครั้งก่อน จนได้รับเสียงตอบรับและชื่นชมจากผู้ที่เข้าร่วมอบรมเป็นจำนวนมาก เป็นที่มาของการเปิดอบรมหลักสูตรพื้นฐานในการพิจารณาชุดเบญจภาคี 3 พระกำแพงซุ้มกอและพระรอด ใน วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน 2556 ระหว่างเวลา 09.00-16.00 น. ณ หอประชุมข่าวสด หมู่บ้านประชานิเวศน์ 1 เขตจตุจักร กรุงเทพฯ

เซียนต้อยบอกว่า พระเบญจภาคีมีทั้งหมด 5 ชนิด ที่บรรยายไปแล้วก็จะมีพระผงสุพรรณ พระนางพญา สมเด็จวัดระฆัง และสมเด็จที่ถูกจัดเข้าไปเป็นเบญจภาคีด้วย สมเด็จบางขุนพรหม ยังเหลือพระอีก 2 องค์ ก็คือ พระซุ้มกอ กับ พระรอด ซึ่งถือว่าเป็นพระที่คนไทยทั้งประเทศได้ยินชื่อแล้วก็รู้ รู้ว่านี้คือสุดยอดพระหายาก และมีความเข้าใจนะว่าพระรอดคือพระที่อยู่ในความนิยม ใครก็พูดถึงพระรอด อย่างพระซุ้มกอทุกๆ คนก็รู้

"พระทั้งสององค์นี้ จัดว่าอยู่สูงสุด เป็นพระในฝัน ถือว่าสุดยอดถ้าใครได้ครอบครอง ถ้าให้เปรียบก็เหมือนนักเล่นเพชร ถ้ามีเพชรเม็ดงามน้ำดี"

ที่ผ่านมาค้นพบไม่มาก อย่างพระซุ้มกอที่เป็นพิมพ์แท้ ไม่บิ่น ไม่ชำรุด เซียนต้อยประเมินว่ามีไม่เกิน 400-500 องค์ ขณะที่พระรอดจะมีมากกว่า แต่ไม่เกิน 1,000 องค์ จึงเป็นพระที่มีราคาสูง ผลก็คือ มีการทำเลียนแบบพระเก่ามากมาย

"พระเหล่านี้เป็นพระที่มีราคาสูง ของเก๊มันก็เหมือนเป็นเงาตามตัว ฉะนั้นถ้ายังไม่ชำนาญและไม่มีความรู้จริง ถ้าไปเจอก็อย่าได้หุนหันพลันแล่นไปเช่า อย่าไปคิดว่าอันนี้ดี เราก็ตัดสินใจเช่า ซึ่งจริงๆ แล้วโอกาสที่จะฟลุค จะได้ของดีราคาถูกหรือแม้แต่แพงมันก็ลำบาก ทางที่ดีควรต้องศึกษาให้ถ่องแท้ก่อน หาคนที่เขาเป็นและเราก็ไว้เนื้อเชื่อใจได้ช่วยดูให้เป็นวิธีการที่ดีที่สุด แต่ว่าเราเพิ่งเริ่มศึกษาใหม่ ไปหาเช่าของแท้ มันก็อาจจะเจอหรือไม่เจอบ้าง แต่มันก็ดีกว่าไม่ได้ศึกษาเลย"

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมรับฟังการบรรยายในวันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายนนี้ โดยจะบรรยายข้อสังเกตในการดูพระแท้แบบลงรายละเอียด แนะนำให้รู้จุดของพระแท้ว่าควรเริ่มต้นจากจุดใด รวมทั้งถ่ายทอดประสบการณ์และเทคนิคต่างๆ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมอบรมได้รับความรู้มากที่สุด พร้อมทั้งเปิดให้ผู้เข้าอบรมได้ซักถามข้อสงสัยเกี่ยวกับพระกำแพงซุ้มกอและพระรอดจากวิทยากร

สำหรับท่านที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามสำรองที่นั่งได้ที่ มติชนอคาเดมี โทร.0-2954-3977-84 ต่อ 2115, 2123, 2124

"อย่างน้อยก็ได้รู้เกี่ยวกับธรรมชาติพระเบญจภาคี พระซุ้มกอ พระรอด ว่าเป็นพระที่น่าศึกษามาก ไม่ใช่เพียงรูปร่างพระเท่านั้น แต่มันมีอะไรมากมาย มันมีทั้งศิลป์ทั้งศาสตร์อยู่ในองค์พระ" เซียนพระรุ่นใหญ่กล่าวทิ้งท้าย

จะได้ไขปริศนาว่าทำไมจึงแพง แล้วทำไมคนจึงนิยม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น